การทำงาน ของ วิรัตน์ชัย น้อมระวี

ได้สอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจ พ.ศ.2532(มอดินแดงรุ่นที่19 ร้อย2)บรรจุครั้งแรกในตำแหน่ง ผบ.หมู่ป้องกันปราบปราม ส.ภ.เมืองร้อยเอ็ดต่อมาได้ย้ายมารับราชการในตำแหน่ง ผบ.หมู่สืบสวน ส.ภ.ประจักษ์ศิลปาคม ยศจ่าสิบตำรวจได้รับพิจารณาให้ได้รับเงินเพิ่มพิเศษการปราบปรามผู้กระทำความผิด(พ.ป.ผ.)1ขั้น เนื่องจากขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป้องกันปราบปราม ส.ภ.เมืองร้อยเอ็ด(ยศสิบตำรวจโท)ได้ออกปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกผู้กระทำความผิดยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่แต่กระสุนโดนไปที่ขอบประตูทำให้กระสุนแฉลบมาโดนที่หน้าออกของ สิบตำรวจโทวิรัตน์ชัย ทำให้ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงขั้นสาหัส หลังจากนั้นได้ย้ายตำแหน่งเป็น ผบ.สส. ส.ภ.ประจักษ์ศิลปาคม ทำหน้าที่เป็น หัวหน้าเสมียนคดี/ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน เมื่อ พ.ศ.2551 ดาบตำรวจวิรัตน์ชัย ได้จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต ต่อมาในปีพ.ศ.2556ได้มีการเปิดสอบให้ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่มีวุฒิปริญญาตรีเลื่อนขึ้นเป็นชั้นสัญญาบัตร(กอน.23 ขุนทะเล565 นิติกร300)รับราชการชั้นสัญญาบัตรครั้งแรกในตำแหน่ง รอง สว.ฝอ.(นิติกร) บก.ส.2 กองบัญชาการตำรวจสันติบาลต่อมาปีพ.ศ.2562ได้ย้ายมารับราชการในตำแหน่ง รอง สว.สืบสวน กก.3 บก.ปส.2 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดในปีเดียวกันได้มีคำสั่งให้เข้าอบรมหลักสูตรชั้นสารวัตรรุ่นที่ 214 และได้มีผลงานปราบปรามยาเสพติดมากมายจนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2564 ชุดสืบสวน กก.3 บก.ปส.2 ออกสืบสวนการลักลอบขนลำเลียงยาเสพติดอาศัยช่วงโควิด-19 ในเขตพื้นที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม เพื่อนำส่งให้กับลูกค้าพื้นที่ตอนใน และกรุงเทพมหานคร โดยขับรถยนต์ตามเส้นทางจังหวัดกาฬสินธุ์ มุ่งหน้าไปทางจังหวัดขอนแก่น ขณะตำรวจเข้าสกัดเพื่อทำการตรวจค้นที่บริเวณถนนลูกรัง ต.บ้านหว้า อ.เมือง จ.ขอนแก่น คนร้ายได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวฝ่าวงล้อม และพุ่งชน ร้อยตำรวจเอกวิรัตน์ชัย น้อมระวี รองสารวัตร กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดจับกับ สามารถติดตามจับกุมนายสุภาพ ติธรรม อายุ 53 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้ที่อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม แจ้งข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันที่ 31 มีนาคม 2565 มติคณะกรรมการพิจารณาบำเน็จความชอบพิเศษได้มีมติให้เลื่อนเงินเดือนจาก ส.1ขั้น46(38,750บาท)(ขั้นสูงสุด)เลื่อเป็น ส.1ขั้นเยียวยา5(45,750บาท)และขอพระราชทานยศพลตำรวจตรี(ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2564)